ในปัจจุบันมีการนำเลซิติน(lecithin) มาใช้ในทางการแพทย์
และนำมาผลิตเป็นอาหารเสริมซึ่งกำลังได้รับความนิยมจากผู้ดูแลรักษาสุขภาพ
เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของเลซิตินที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือด
โรคหัวใจ ช่วยบำรุงสมองป้องกันภาวะความผิดปกติของระบบประสาท
เสริมสร้างการทำงานของตับ และยังลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีอีกด้วย
หลายคนคงเคยได้ยินชื่อของเลซิตินมาบ้างแล้ว
แต่อาจยังไม่ทราบว่าเลซิตินเป็นสารที่พบได้ทั่วไปในอาหารประเภทนมสด ชีส เนย ไข่
เนื้อวัว ถั่วเปลือกแข็งต่างๆ น้ำมันพืช สมอง ตับ ไต ข้าว แป้ง ถั่วลิสง และแครอท
ในอุตสาหกรรมผลิตอาหารเสริมปัจจุบันนิยมใช้เลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลือง
มากกว่าไข่แดง เนื่องจากการประหยัดต้นทุนในการผลิตมากกว่า
และเลซิตินที่สกัดได้จากถั่วเหลืองมีคุณภาพดีกว่าเนื่องจากมีกรดไขมันไม่
อิ่มตัวสูงกว่านั่นเอง
เลซิตินเป็นสารธรรมชาติที่ประกอบด้วยฟอสโฟลิปิด
(phospholipid) เช่นพวกฟอสฟาติดิลโคลีน (phosphatidylcholine)
ฟอสฟาติดิลเอทาโนลามีน (phosphatidylethanolamine) และฟอสฟาติดิลไลโนซิทอล (phosphatidylinositol) กรดไขมันจำเป็นและโมเลกุลของวิตามินบี
2 ชนิด ได้แก่ อิโนซิทอล (Inosital) และโคลีน
(Choline) รวมอยู่ด้วย
ซึ่งโคลีนเป็นส่วนประกอบของสารสื่อประสาท
(Neurotransmitter) ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่าอะเซทธิลโคลีน
(Acethyl Choline) เมื่อรับประทานเลซิตินเข้าไป
ร่างกายจะสังเคราะห์สารสื่อประสาทขึ้นมาจากโคลีน
ส่งผลให้การทำงานของระบบประสาทดีขึ้น มีการเรียนรู้ดีขึ้น เกิดการสร้างความทรงจำ
ช่วยลดอาการของโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ และความผิดปกติของการเคลื่อนไหว เช่น Parkinson’s
disease ได้ และจากการศึกษาพบว่าเลซิตินเป็นแหล่งพลังงานของสมองให้กับผู้ที่อยู่ในสภาวะ
ที่มีความเครียดสูงได้อย่างดีด้วยเช่นกัน
สารโคลีนในเลซิตินยังช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ
ลดภาวะไขมันพอกตับ อันเป็นสาเหตุให้ตับอักเสบ และโรคตับแข็ง
ช่วยให้ตับการดูดซึมวิตามินบีหนึ่งเพิ่มขึ้น
อีกทั้งยังเพิ่มการดูดซึมวิตามินเอในลำไส้อีกด้วย
ดังนั้นผู้ที่ต้องการบำรุงตับหรือผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำจึงควรรับประทานเลซิติน
นอกเหนือจากนี้
โคลีนในเลซิตินยังช่วยควบคุมปริมาณฮอร์โมนวาโซเพรสซิน (vasopressin)
หรือแอนติไดยูเรติก ฮอร์โมน (antidiuretic hormone) ที่ช่วยขับปัสสาวะ ควบคุมความดันโลหิต และความเข้มข้นของสารต่างๆ
ในกระแสเลือดได้อีกด้วย
ประโยชน์ของเลซิติน ยังช่วยเพิ่มกลไกการสร้างน้ำดีจากโคเลสเตอรอล
โดยจะไปช่วยลดอัตราการดูดกลับของน้ำดีในลำไส้เล็ก
ด้วยการดึงเอาโคเลสเตอรอลในเลือดซึ่งเป็นองค์ประกอบในการสร้างน้ำดีมาใช้ เพิ่มขึ้น
การที่เลซิตินสามารถดึงโคเลสเตอรอลในเลือดมาใช้ได้นั้น
เนื่องจากเลซิตินมีคุณสมบัติเป็นอีมัลซิฟายเออร์ (emulsifier)
คือสามารถทำให้โมเลกุลของไขมันมีขนาดเล็กลงจนรวมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำได้
ร่างกายจึงดูดเอาโคเลสเตอรอลมาใช้ในการสร้างน้ำดีได้
ส่งผลให้โคเลสเตอรอลในเลือดลดปริมาณลง แต่หากมีปริมาณของเลซิตินน้อยเกินไป
เกิดการตกตะกอนของโคเลสเตอรอลในถุงน้ำดี เกิดเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
ซึ่งพบได้บ่อยในผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
ที่มีภาวะอ้วนและมีบุตรหลายคน
และที่ทราบกันดีกว่าหากมีปริมาณโคเลสเตอรอลในเลือดสูงจะทำให้เกิดการอุดตัน
ของหลอดเลือด ดังนั้นการรับประทานเลซิตินจึงเป็นการลงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหลอด
เลือดอุดตันและโรคหัวใจได้นั่นเอง
จากรายงานทางการแพทย์และผลการ
ทดลองทางวิทยาศาสตร์มากมายทำให้เราทราบว่าเลซิตินเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์
และจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง การได้รับเลซิตินในปริมาณ 0.6-1 กรัมต่อวันจะช่วยให้การทำงานของระบบต่างๆ ภายในร่างกายเป็นปกติ
โดยไม่เกิดการตกค้างในร่างกายแต่อย่างใด สำหรับการเลือกรับประทานเลซิติน
ควรเลือกที่มีฟอสฟาติดิลโคลีนในปริมาณสูง และเลือกเลซิตินที่สกัดจากถั่วเหลือง
เพื่อให้ได้คุณประโยชน์ที่มากกว่า
เลซิติน 126 mg มีอยู่ใน ผลิตภัณฑ์ LIFVEL ลิฟเวล
ผลิตภัณฑ์
LIFVEL ลิฟเวล
สามารถแก้ปัญหา
โรคเบาหวานอย่างได้ผล
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย ทองสา โทร.084-6822645
, 085-0250423 lifvel
ID Line : weerachaicoffee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น