ประเทศไทยมีคนป่วยเป็น “โรคเบาหวาน” ประมาณร้อยละ 9.6
ของประชากรผู้ใหญ่ เฉลี่ยอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
เป็นโรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศไทย
เนื่องจากทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในระยะเฉียบพลัน และระยะเรื้อรัง
ที่ก่อให้เกิดอัตราเจ็บป่วยและอัตราเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้น
โดยผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 95 พบเป็นเบาหวานชนิดที่
2 คือโรคไตจากเบาหวาน
โรคไตจากเบาหวาน
หรือ “เบาหวานลงไต” เป็นภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังในผู้ป่วยเบาหวานที่มีลักษณะดังต่อไปนี้ คือ
1. มีภาวะโปรตีนชนิดอัลบูมินรั่วออกมาในปัสสาวะ
ซึ่งในระยะแรกมีปริมาณเล็กน้อย และต่อมาปริมาณมากขึ้น
2. มีความดันโลหิตสูง และ
3. การทำงานของไต ในระยะแรกจะปกติ ต่อมาจะเริ่มเสื่อม และเสื่อมมากขึ้นจนเกิดโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุด
“ส่วนของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตจากเบาหวาน ประกอบไปด้วย
1. ระยะเวลาของการเป็นเบาหวานมานาน
2. มีประวัติครอบครัวของโรคไตจากเบาหวาน หรือไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หรือความดันโลหิตสูง
3. การควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
4. การควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้ไม่ดี
5. ภาวะไขมันในเลือดสูง
6. มีโปรตีนชนิดอัลบูมินรั่วออกทางปัสสาวะมากกว่าปกติ
7. การสูบบุหรี่
ขณะที่แนวทางการป้องกันและการรักษาโรคไตจากเบาหวานนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำไว้ดังต่อไปนี้
1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับดี
2. ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งในข้อนี้มีการแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มของยาลดความดันโลหิตที่สามารถเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือใช้ร่วมกัน หากไม่มีข้อห้าม และควรมีการปรึกษาแพทย์
3. ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอัลบูมินในปัสสาวะ และ/หรือมีภาวะความดันโลหิตสูงต้องได้รับการรักษา ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมของไต
4. ควรให้รับคำแนะนำและการรักษาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างเหมาะสม ได้แก่ การควบคุมระดับไขมันในเลือด การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และงดสูบบุหรี่
5. ควรได้รับการดูแลรักษาเช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เช่น จำกัดปริมาณโปรตีนในอาหารให้เหมาะสม
3. การทำงานของไต ในระยะแรกจะปกติ ต่อมาจะเริ่มเสื่อม และเสื่อมมากขึ้นจนเกิดโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้ายในที่สุด
“ส่วนของปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคไตจากเบาหวาน ประกอบไปด้วย
1. ระยะเวลาของการเป็นเบาหวานมานาน
2. มีประวัติครอบครัวของโรคไตจากเบาหวาน หรือไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย หรือความดันโลหิตสูง
3. การควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี
4. การควบคุมระดับความดันโลหิตสูงได้ไม่ดี
5. ภาวะไขมันในเลือดสูง
6. มีโปรตีนชนิดอัลบูมินรั่วออกทางปัสสาวะมากกว่าปกติ
7. การสูบบุหรี่
ขณะที่แนวทางการป้องกันและการรักษาโรคไตจากเบาหวานนั้น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แนะนำไว้ดังต่อไปนี้
1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับดี
2. ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งในข้อนี้มีการแนะนำเกี่ยวกับกลุ่มของยาลดความดันโลหิตที่สามารถเลือกใช้ตัวใดตัวหนึ่ง หรือใช้ร่วมกัน หากไม่มีข้อห้าม และควรมีการปรึกษาแพทย์
3. ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอัลบูมินในปัสสาวะ และ/หรือมีภาวะความดันโลหิตสูงต้องได้รับการรักษา ควบคุมระดับความดันโลหิตให้ต่ำกว่า 130/80 มิลลิเมตรปรอท เพื่อช่วยชะลอการเสื่อมของไต
4. ควรให้รับคำแนะนำและการรักษาปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ อย่างเหมาะสม ได้แก่ การควบคุมระดับไขมันในเลือด การควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และงดสูบบุหรี่
5. ควรได้รับการดูแลรักษาเช่นเดียวกับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เช่น จำกัดปริมาณโปรตีนในอาหารให้เหมาะสม
จะเห็นได้ว่า LIFVEL
เหมาะมากที่เป็นอาหารเสริมผู้ป่วยเบาหวาน เพราะสามารถเข้าไปลดระดับน้ำตาลในเลือด กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
ช่วยเผาผลาญแป้งและน้ำตาล ทำให้ลดความเสี่ยงและบรรเทาอาหารของผู้เป็นเบาหวานได้อย่างดี
LIFVEL อาหารเสริมผู้ป่วยเบาหวาน ลดน้ำตาลในเลือดให้ใกล้เคียงปกติ
ป้องกันโรคแทรกซ้อนในระยะยาวได้อีกด้วย
Livitanutrics
มีอาหารเสริมผู้ป่วยเบาหวาน คือ LIFVEL มีสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ
ลดสาเหตุโรคเบาหวานเพราะมีฤทธิ์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือด และโครเมียม
พิโคลิเนตที่มีช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานในปริมาณสูง
ผลิตภัณฑ์ LIFVEL ลิฟเวล สามารถแก้ปัญหา โรคเบาหวานอย่างได้ผล
ปริมาณและราคา 1 ขวดบรรจุ 30 แคปซูล ราคา 1,900 บาท
สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่
คุณ วีระชัย ทองสา
โทร.084-6822645 , 085-0250423
ID Line : weerachaicoffee
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น